Market

COM7 ราคาหุ้นพุ่งกว่า 5% แค่รอบเช้า แตะ 83 บาท วิ่งล้ำเป้าหมายปี`65
23 พ.ย 2564

COM7 ราคาพุ่งแรงกว่า 5% รอบเช้าวันนี้ โดยติด top 10 Active หลังราคาขึ้นสูงสุด 83 บาท แรงเกินคาดเป้าหมายปี' 65 ที่โบรกฯคาดกันไว้  ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นทำกำไรออกมาในช่วงก่อนหน้า ฝั่งนักวิเคราะห์มอง Q 4 ผลดำเนินงานพลิกกลับมาดีกว่าไตรมาส 3 สะดุดล็อกดาวน์กระทบปิดสาขา ต้องปรับกลยุทธขายออนไลน์ผ่านพันธมิตร

 

วันนี้ (23 พ.ย.) ในรอบเช้า ราคาหุ้น บมจ. คอมเซเว่น หรือ COM7 มีการเคลื่อนไหวแรงมากติดอันดับ 9 ใน Top 10 Active โดยปรับตัวขึ้นจากราคาเปิด 78.25 บาท ขยับลงเล็กน้อยอยู่ที่ 78 บาท หลังนั้น ปรับพุ่งขึ้นจนสูงสุด 83 บาท (เป็นราคาเป้าหมายปี 2565 ที่โบรกเกอร์ประเมินไว้) แต่มีแรงเทขายทำให้ราคาลดลงมาอยู่ที่ 80 บาท บวก 2 บาท หรือ 2.56%ช่วงท้ายตลาดรอบเช้า

 

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ หุ้น COM7 มีการปรับตัวขึ้นแรง 2-3 ระลอก โดยวันที่ 11 พ.ย. 2564 เป็นรอบที่ปรับพุ่งขึ้นแรง  ราคาปิดตลาดอยู่ที่ 75.25 บาท เพิ่มขึ้น 5.24%จากราคาปิดวันก่อนหน้า และในวันที่ 12 พ.ย. ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องปิดที่ราคา 75.75 บาท บวก 0.66% ซึ่งตรงกับวันที่นายบัญชา พันธุมโกมล (ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ  3 สัดส่วน 5.18%) ได้จำหน่ายหุ้นออกมาสัดส่วน 0.0833% ทำให้สัดส่วนถือหุ้นเหลือ 4.9955% (ข้อมูลรายงานจากก.ล.ต.)

 

ขณะที่ก่อนหน้านี้ โบรกเกอร์หลายรายมองว่าสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ขณะที่บทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาดีเกินคาดทั้งๆที่เกิดสถานการณ์โควิดระบาดรุนแรงระลอก 3 และมีมาตรการล็อกดาวน์ที่ปิดศูนย์การค้าในพื้นที่เสี่ยง 29 จังหวัดกระทบบริษัทถูกปิด 500 สาขาไปด้วย แต่บริษัทได้มีการปรับช่องทางขายผ่านออนไลน์ ประกอบกับมาตรการ Work From Home ทำให้มียอดซื้อสินค้าไอทีเพิ่มขึ้นกว่า 22% โดยได้เปิดช่องทางขายทางออนไลน์กับพันธมิตรหลายราย ส่งผลให้ภาพรวมไตรมาส 3 กำไรสุทธิกลับลดลงเพียง 2.8% เทียบกับไตรมาส 2 (q-q) มาอยู่ที่ 571 ล้านบาทเท่านั้น เมื่อรวมงวด 9 เดือน กำไรสุทธิ1,723 ล้านบาท เติบโต 84.4%

 

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้น COM7 ว่า ปัจจุบันสาขาของ COM7 จำนวนกว่า 958 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 3/64 สามารถกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งแล้ว และมีการปรับรูปแบบสาขา Pop-Up Stores ที่มีศักยภาพทำกำไรเป็นร้าน Stand Alone แบบถาวรอีก 17 สาขา ตลอดจนร่วมมือกับ บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์(ILM) ในการขยายสาขาเข้าไป Index Living Mall พร้อมกับเสนอสินค้าที่แตกไลน์เข้าสู่หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า (Home Appliance) เพื่อตอบโจทย์ยุค IoT โดยวางแผนจะเปิด 30 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งจะมี 2 สาขาที่เป็น Flagship Store ได้แก่ สาขาบางนา และสาขาเกษตร-นวมินทร์ แบ่งการเปิดเป็น 15 สาขาในเดือน พ.ย. 64 และ 15 สาขาในเดือน ม.ค. 65 ขณะที่ไฮไลท์ประจำปี สำหรับการเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Apple ในปีนี้ไม่ล่าช้าเหมือนปีก่อน คาดจะส่งผลให้ยอดขายมีโอกาสเติบโตจากจำนวนวันในการขายที่มากขึ้น คู่กับกระแสตอบรับ iPhone 13 ที่ พบว่าได้รับความนิยมอย่างดี

 

บล.ฟิลลิป คาดแนวโน้มผลดำเนินงาน 4Q64 และต่อเนื่องไปยังปี 65 ยังสดใสต่อจากปัจจัยที่กล่าวข้างต้น  จึงปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 64 ขึ้นเป็น 2,337 ล้านบาท เติบโต 56.8% y-y และคาดโตต่อในปี 65 อีก 14.1% y-y แตะระดับ 2,668 ล้านบาท ตลอดจนปรับราคาพื้นฐานปี65 ขึ้นเป็น 83.50 บาท (จากเดิม 77.00 บาท) อิง P/E 37.6 เท่า

 

ส่วนบล.เคจีไอ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2562 อยู่ที่ 82 บาท อิงจาก PER เท่า เดิมที่ 36.0 เท่า โดยคาดไตรมาส 4 นี้ ผลประกอบการจะดีขึ้นทั้ง Y-Y และ Q-Q  โดยกำไรทั้งปีนี้มี upside อีก 5-10 % แต่ก็มีความเสี่ยงต้องระวังจาก ความต้องการเปลี่ยน smartphones อยู่ระดับต่ำเกินคาด , รายได้จากการขายอุปกรณ์เสริมต่ำกว่าคาด และมีการจัดรายการส่งเสริมการขายมากกว่าที่คาด

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 4 จะเห็นการฟื้นตัวแรง  35-40%และกลับมาทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาส  รับอานิสงส์ iPhone 13 และสินค้าอื่นๆจาก Apple ที่กระแสตอบรับสูงและเปิดตัวได้เร็วกว่าปีก่อน  และเชื่อว่าการเติบโตของกำไรจะดำเนินต่อเนื่องในปี 2565-2566 ไม่น้อยกว่า 20% โดยให้ราคาเป้าหมาย 82 บาท

 

 

 

 

 

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com