Market

ส่องอนาคต 3 หุ้นบริหารหนี้ หลังงวด 6 เดือนแรกปี 2565 กำไรเติบโตแกร่ง
17 ส.ค. 2565

3 หุ้นบริหารหนี้ เป็นที่เตะตาของโบรกเกอร์ ต่างก็แนะนำซื้อ หลังประกาศผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2565 ออกมา มีกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีการคาดการณ์กันว่าครึ่งปีหลังก็จะยังเติบโตต่อเนื่อง ส่วนจะเติบโตมากน้อยแค่ไหน และราคาเป้าหมายจะเป็นเท่าไหร่ ติดตามได้ในรายละเอียด

 

3 หุ้นบริหารหนี้ เป็นที่เตะตาของโบรกเกอร์ ต่างก็แนะนำซื้อ หลังประกาศผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2565 ออกมา มีกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีการคาดการณ์กันว่าครึ่งปีหลังก็จะยังเติบโตต่อเนื่อง 


โดยหุ้นบริหารหนี้เสีย ที่มีกำไรเติบโตโดดเด่นสุด ต้องยกให้ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ซึ่งงวด 6 เดือน มีกำไร 800.26 ล้าน เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อนเกือบ 40% ซึ่งราคาที่นักวิเคราะห์หลายค่ายประเมินราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 100 บาท

  
ในมุมมองของ KTBS ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) และนำซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 100 บาท  โดยประมาณการกำไรทั้งปี 2565 ที่ 2,200 ล้านบาท เติบโต 58% และปี 2566 ที่ระดับ 3,500 ล้านบาท โต 57% จากการเข้าซื้อหนี้เสียมาบริหารที่สูงถึง 1.0 หมื่นล้านบาท และรายได้รับจ้างติดตามหนี้ที่กลับมาขยายตัวจากที่หดตัวในปี 2563-2564 และรับรู้รายได้ส่วนแบ่งจากการจับมือกับธนาคารกสิกรไทย ร่วมทุนจัดตั้ง JKAMC ที่จะเข้าซื้อหนี้เสียจากสถาบันการเงิน บริหารหนี้มูลค่า 5 หมื่นล้าน


ขณะที่ความเห็นของบล.บัวหลวง ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มปี 2565 ของ JMT คาดว่าจะมีรายได้จากการเก็บหนี้ได้ที่ 6,000 ล้านบาท ในปีนี้ โตขึ้น 32% โดยในครึ่งปีแรกทำได้ 2,800 ล้านบาท เติบโต 41% ซึ่งปกติการเก็บหนี้ในช่วงครึ่งหลังของปีจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ดังนั้นคาดว่าปี 2565 บริษัทจะรายงานกำไรที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยแนะนำซื้อให้ราคาเป้าหมาย 84.50 บาท


ส่วนผลประกอบการ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ซึ่งถือเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ มีพอร์ตลูกหนี้ กว่า 1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นเงินให้สินเชื่อจากธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPLs) จำนวน 80,415 ล้านบาท และทรัพย์สินรอการขาย (NPAs) จำนวน 26,598 ล้านบาท ซึ่งพอร์ตลูกหนี้จำนวนดังกล่าวตีราคาประเมินออกมารวมราว 2.31 แสนล้านบาท 


โดยงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 BAM มีเงินรับจากธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ 4,444.5 ล้านบาท และมีมีเงินรับจากธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย 2,665.1 ล้านบาท ซึ่งในงบการเงินรายงานตัวเลขรายได้รวม 6,028 ล้านบาท และมีกำไร 1,142.46 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 10.14%


ในมุมมองของ บล.หยวนต้า แม้ BAM  จะมีกำไรครึ่งแรกของปี 2565 คิดเป็น 34.8% ของประมาณการทั้งปี แต่ยังคงประมาณการเดิม โดยคาดจะมีกำไรสุทธิโตเด่นในครึ่งหลังของปี หลังเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ ซึ่งปกติจะมีการเร่งเจรจาเพื่อชำระบัญชีหนี้ NPL จำนวนมากในช่วงปลายปี รวมถึงการขาย NPA ที่จะเร่งตัวขึ้น และบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อขาย NPA ให้กับกลุ่มลูกค้าขนาดกลางอีก 2-3 ราย มูลค่าราว 100-200 ล้านบาท คาดจะสามารถรับรู้ได้ทันในปีนี้ ทำให้ปี 2565 BAM จะมีกำไรสุทธิ 2,979 ล้านบาท โต 14.6%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 


ปัจจุบัน BAM อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมสำหรับจัดตั้ง VAMC ร่วมกับสถาบันการเงิน 2-3 แห่ง เพื่อเข้าไปบริหารจัดการหนี้เสียให้สถาบันการเงินที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตร ซึ่ง BAM มีข้อได้เปรียบที่จำนวนเงินทุนที่สูงกว่า AMC รายอื่น รวมทั้งมีความชำนาญในการบริหารหนี้เสียแบบมีหลักประกัน ทำให้สามารถรองรับพอร์ตหนี้เสียของสถาบันการเงินได้เป็นจำนวนมาก ล่าสุดบริษัทระบุว่ามีสถาบันการเงิน 1 แห่งที่คาดจะเห็นความชัดเจนของความร่วมมือภายในไตรมาส 3 


โดยให้คำแนะนำ"ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย จากมูลค่าพื้นฐานปี 2565 ที่ 24 บาท ซึ่งราคา ณ ปัจจุบัน ยังมี Upside ประมาณ เกือบ 30%


ขณะที่ บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO บริษัทบริหารหนี้น้องเล็ก โดดเด่นไม่แพ้กัน งวดครึ่งปีแรก มีรายได้รวม 446.85 ล้านบาท และมีกำไรที่ 129.04 ล้านบาท ขยายตัว 29.64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน  ซึ่งนักวิเคราะห์หลายค่ายประเมินราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 14.40 บาท


ในมุมมองของหยวนต้า กำไรในครึ่งปีหลัง ยังคงเติบโต โดยบริษัทจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากกการบริหารพอร์ตหนี้ NPL ที่ปิดประมูลไปใน 2565 มูลค่ารวม 1,006 ล้านบาท และผลดำเนินงานของ CHAYO JV ที่จะเริ่มมีพัฒนาการมากขึ้นตามขนาดของพอร์ต NPL แบบมีหลักประกันที่ขยายตัวขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทมีแผนเร่งการขาย NPA เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 3  นอกจากนี้ คาดรายได้จากการให้บริการเร่งรัดหนี้จะปรับขึ้น หลังได้งานจากสถาบันการเงินและผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เพิ่มเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 3 จึงคาดทั้งปี 2565 CHAYO จะมีกำไรสุทธิ 322 ล้านบาท เติบโต 47%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ยังมี Upside ประมาณ 33% จากมูลค่พื้นฐานใหม่หลังปรับประมาณการกำไรปี 2565 ที่ 14.40 จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
 

ขณะที่ บล.บัวหลวง ให้ราคาเป้าหมายไว้ค่อนข้างสูงที่ 20.80 บาท โดยประมาณการกำไรปี 2565 ไว้ที่ 535 ล้านบาท เติบโต144% แม้ครึ่งปีแรกกำไรคิดเป็น 24%ของคาดการณ์ทั้งปี แต่กำไรส่วนใหญ่ของปีจะอยู่ในครึ่งปีหลัง จากการเข้าสู่ฤดูกาลซื้อหนี้จากธนาคาร ความคืบหน้าในการจัดตั้ง JV กับธนาคาร และพอร์ตการปล่อยสินเชื่อขยายตัวก้าวกระโดด ซึ่งจะเห็นผลกำไรที่มีนัยสำคัญเข้ามา 


ผลประกอบการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของ 3 หุ้นบริหารหนี้ และความเห็นของนักวิเคราะห์ น่าจะมีส่วนช่วยในการประกอบการตัดสินใจลงทุนให้กับนักลงทุนได้ไม่มากก็น้อย ส่วนจะลงทุนหรือไม่ อยู่ที่การตัดสินใจของนักลงทุนเอง

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com