ผู้ถือหุ้น ‘ทีวี ไดเร็ค’   ไฟเขียวเพิ่มทุนหุ้นสามัญ  895.4  ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 1 บาท  และออกวอแรนต์ รุ่นที่ 3 ไม่เกิน 223.8 ล้านหน่วย แจกผู้จองซื้อหุ้นใหม่ รับสิทธิ 4 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 1 วอแรนท์ ใช้สิทธิแปลงสภาพ 0.85 บาท ระดมเงินรองรับแผนปรับโครงสร้างธุรกิจและเร่งขยายธุรกิจใหม่ วางเป้าหมายสร้างรายได้จากธุรกิจ Non TV Home Shopping โตไม่ต่ำกว่า 50%    

นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD  เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) ได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 559,634,324.50 บาท จากทุนจดทะเบียน 447,707,459.50 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 1,007,341,784 บาท (หุ้นสามัญ 2,014,683,568 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท) โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,119,268,649 หุ้น หรือกว่า 1,119.2 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญที่ออกใหม่ รวมทั้งสิ้น 895,414,919 หุ้น หรือ 895.4 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.00 บาท  

ขณะเดียวกันผู้ถือหุ้น ยังมีมติอนุมัติให้ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ (วอร์แรนต์) รุ่นที่ 3 (TVD-W3) จำนวนไม่เกิน 223,853,730 หน่วยหรือ 223.8 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนโดยไม่คิดมูลค่า อัตราส่วน 4 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย กำหนดราคาใช้สิทธิ 0.85 บาท 

 ทั้งนี้การเพิ่มทุนดังกล่าวเพื่อรองรับการพัฒนา Platform, Application และ Website ของบริษัทฯ เพื่อการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ในอนาคต , การลงทุน Media และ Data Mining  สำหรับแปลงสภาพกิจการ TV Shopping จาก Satellite TV เป็น Digital TV , การขยายกิจการ Call Center และ AI Robotic Telemarketing และรองรับแผนงานปรับโครงสร้างธุรกิจ และขยายธุรกิจใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับทีวี โฮม ช้อปปิ้ง เพื่อรับมือการถูกดิสรัปชั่น เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้ชมทีวีลดลง 40% รวมถึงการปรับเปลี่ยนสัญญาณทีวีดาวเทียม ส่งผลให้ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์รับสัญญาณทำให้ผู้ชมลดลงเช่นเดียวกัน 

โดยจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนและแปลงสภาพวอร์แรนต์ รุ่นที่ 3 มาใช้รองรับการพัฒนาธุรกิจเดิม , การขยายธุรกิจใหม่และเป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ  

สำหรับแผนปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทฯ จะมุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการ “Business Enabler Platform” เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและสร้างการเติบโตให้กับผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs โดยวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรภายใต้ 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. กลุ่ม Products Platform  ผ่านแอปพลิเคชั่นTVD  ปัจจุบันอยู่ในช่วงทดลองให้บริการและเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายเดือนเมษายนนี้  รวมทั้งเพิ่มจำนวนคอลล์ เซ็นเตอร์ จาก 400 คน เป็น 600 คน ภายในปีนี้  

2. กลุ่มServices Platform โดยมีบริการ BPO (Business Process Outsourcing) วางแผนกระบวนการทางธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจของลูกค้าให้ง่ายขึ้น และ BTO เช่น บริการศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นต้น รวมถึงการให้บริการจัดส่งสินค้าแบบ Last Mile Delivery ภายใต้ชื่อ  ‘Xpresso’ ปัจจุบันให้บริการใน 5 จังหวัด และจะเพิ่มเป็น 17 จังหวัดภายในปีนี้ 

3. กลุ่ม Services Business โดยจะรุกให้บริการด้าน Financial Solution แก่ฐานลูกค้า 6 ล้านราย และขยายธุรกิจใหม่ด้าน Crypto Mining หรือธุรกิจขุดเหมืองเงินดิจิทัล  และ 4. กลุ่ม Platform Application โดยต่อยอดการลงทุนสตาร์ทอัพ เช่น แพลตฟอร์ม eatsHUB  , EATLAB ,Blockfint เป็นต้น 

“บริษัทฯ จะมุ่งขยายธุรกิจใหม่ ๆ โดยเฉพาะธุรกิจด้าน B2B  มากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตจากธุรกิจในกลุ่ม Non TV Home Shopping เติบโตอย่างน้อย 50% ในอีก 5 ปีข้างหน้า เพราะเรามองว่าการรับมือดิสรัปชั่นจะต้องกระจายธุรกิจที่หลากหลาย  เพื่อเตรียมความพร้อมรับผลกระทบจากปัจจัยความไม่แน่นอนต่าง ๆ ซึ่งจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว” นายทรงพล กล่าว