บมจ. บ้านปู เผยผลงานไตรมาสแรก กำไรอู้ฟู่กว่า 1 หมื่นล้าน พุ่งกระฉูดจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยรายได้จากการขายเฉียด 2 หมื่นล้านบาทโตกว่า 70% แรงส่งจากธุรกิจพลังงานสะอาดสดใส เร่งเดินหน้าเปลี่ยนผ่านธุรกิจ ขยายพอร์ตพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงาน ยกระดับ Antifragile ในทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือทุกความผันผวน รวมทั้งการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ หนุนเติบโตยั่งยืน
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2565 กำรสุทธิ 10,264 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ 1,535 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายรวมประมาณ 41,509 ล้านบาท(1,256 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้นประมาณ 19,247 ล้านบาท (520 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือเติบโตร้อยละ 71 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวมประมาณ 19,693 ล้านบาท ( 596 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 117 จากปีก่อนหน้า
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างรายได้ที่แข็งแกร่งจากภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโลกและความต้องการพลังงานที่เพิ่มสูง โดยมีกระแสเงินสดที่เติบโตจากทั้งจากธุรกิจที่มีอยู่และจากธุรกิจที่เข้าไปลงทุนเพิ่มใหม่ ๆ โดยกระแสเงินสดจากพอร์ตธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรายได้จากการจำหน่ายเงินลงทุนใน Sunseap Group ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้น
สำหรับการเดินหน้าในการสร้างการเติบโตของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน ทางด้านธุรกิจเหมือง ยังคงรักษากำลังการผลิตและปริมาณสำรองที่ดีเพื่อรองรับแนวโน้มความต้องการในตลาดและคว้าโอกาสที่จะสามารถสร้างมูลค่าให้ธุรกิจ ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คว้าโอกาสจากสถานการณ์ราคาก๊าซที่เพิ่มสูงขึ้น และมองหาโอกาสต่อยอดการลงทุนจากแหล่งก๊าซต้นน้ำไปยังธุรกิจกลางน้ำ โดยมุ่งเน้นการปฏิบัติการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ด้านกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป มุ่งเน้นเสริมสร้างประสิทธิภาพและควบคุมต้นทุนการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า ด้วยความยืดหยุ่นจากราคาต้นทุนพลังงานที่มีความผันผวนควบคู่กับการขยายพอร์ตโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน มีการขยายการลงทุนในตลาดกลยุทธ์สำคัญที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง
สุดท้าย กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ยังคงเน้นการสร้างอัตราการเติบโตให้พอร์ตเทคโนโลยีพลังงานที่มีอยู่ รวมทั้งลงทุนและพัฒนาโซลูชั่นหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานรูปแบบใหม่ และเสริมสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลในการสร้างพลังร่วมระหว่างธุรกิจที่มีอยู่กับธุรกิจใหม่ อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ เมืองอัจฉริยะ โซลาร์ลอยน้ำ และระบบการบริหารจัดการพลังงาน และยังเดินหน้าขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เช่น โครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคา ขนาด 5.9 เมกะวัตต์ ในอินโดนีเซีย และการเดินหน้าโครงการ Summer Lasalle เฟส 3 ในกรุงเทพมหานคร ขนาด 982 กิโลวัตต์
“นอกจากการมุ่งสร้างการเติบโตตามกลยุทธ์ Greener & Smarter เรายังคงศึกษาโอกาสที่จะเติบโตในธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูงและสามารถสร้างการเติบโตในระยะยาว หรือ New S-Curve ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์เทรนด์แห่งอนาคตและสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นของเราในระยะยาว” นางสมฤดี กล่าว