Market

บล.ทรีนีตี้ มองหุ้นเดือน มิ.ย. `ขาลง` มองแนวรับ 1,600-1,620 จุด เน้นหุ้นกลุ่ม Defensive
1 มิ.ย. 2565

บล.ทรีนีตี้ มองตลาดหุ้นเดือน มิ.ย. เข้าสู่ขาลง มองแนวรับ 1,600-1,620 จุด  ชี้ดัชนี 1,650 จุด ขึ้นไปถือเป็นโซนอันตราย แนะขายทำกำไร ไปตั้งรับใหม่ที่แนวรับ เน้นหุ้นกลุ่ม Defensive กลุ่มการแพทย์- กลุ่มค้าปลีก-กลุ่มสาธารณูปโภค คาดมีโอกาสชนะตลาดในช่วงถัดไป 

 

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ มองกลยุทธ์การลงทุนเดือน มิถุนายนนี้ ประเมินว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ มีแนวโน้มแกว่งตัวในทิศทางขาลง โดยมองกรอบแนวรับสำคัญไว้ที่ 1,600-1,620 จุด โดยยังมองว่าระดับดัชนีที่ อยู่สูงเกินกว่า 1,650 จุด ขึ้นไปถือเป็นโซนที่เปราะบางในแง่ของมูลค่า โดยเฉพาะในส่วนของมาตรวัด ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนของตลาดหุ้น เมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว (Earning yield gap)ที่ยังคงอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยพอสมควร


สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะชะลอการลงทุนไปก่อน (Wait & See) หลังขายทำกำไรไปแล้ว โดยให้รอตั้งรับใหม่ตามบริเวณแนวรับที่ 1,600-1,620 จุด หรืออาจรอให้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี ลงมาแถวบริเวณ 2.5% เสียก่อน ซึ่งจะทำให้ Earning yield gap ของตลาดหุ้นไทยดูดีขึ้น


กลยุทธ์หนึ่งที่น่าสนใจในเดือนนี้ คือ การกระจายพอร์ตการลงทุน โดยการซื้อในช่วงพักฐาน ในตลาดพันธบัตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธบัตรระยะยาวที่มักจะเป็นสินทรัพย์ ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัวได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราประเมินว่าจะมี ความเป็นไปได้มากขึ้น หากราคาพลังงานและราคาอาหารในตลาดโลกยังคงอยู่สูงเช่นนี้ต่อไป ที่สำคัญ เราเริ่มเห็นว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ประกาศออกมาสูงในแต่ละประเทศ เริ่มไม่ได้ยึดเหนี่ยวคาดการณ์ เงินเฟ้อในอนาคตให้ปรับตัวสูงขึ้นแล้ว จึงมองปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร รุ่นยาวทยอย ปรับลดลง ส่งผลให้ราคาพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นได้ นอกจากนั้น Earning yield gap ของตลาดหุ้นหลายๆประเทศตอนนี้ก็ยังอยู่ค่อนข้างต่ำ บ่งชี้ถึงความน่าสนใจของพันธบัตรเมื่อเทียบกับหุ้นได้เป็นอย่างดี


สำหรับในส่วนของหุ้นรายตัว หากต้องเลือกลงทุน ยังคงแนะถือครองหุ้นกลุ่มที่ทนต่อทุกสภาวะ หรือประเภท Defensive กลุ่มการแพทย์ เช่น BDMS, BCH, CHG, IMH กลุ่มค้าปลีก ประเภทสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น CPALL, MAKRO, BJC กลุ่มสาธารณูปโภค เช่น EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, BPP, CKP โดยเริ่มชื่นชอบกลุ่มสาธารณูปโภคมากขึ้น จากการมีคุณลักษณะคล้ายคลึงกับพันธบัตรค่อนข้างมาก ซึ่งคาดว่าจะเป็นสินทรัพย์ที่ ชนะตลาดในช่วงถัดไป 


นอกจากนั้น หุ้นอีกกลุ่มที่น่าจะได้อานิสงส์หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ในช่วงถัดไปทยอยปรับลง ก็คือกลุ่ม กองทุนอสังหาริมทรัพย์ / กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์/ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมองว่าค่อนข้างมีความมั่นคงในสภาวะที่เศรษฐกิจมีความเสี่ยงสูง ขึ้นด้วยเช่นกันด้วย เหตุนี้ แนะนำจัดสรรน้ำหนักในพอร์ตการลงทุน ไปยังสินทรัพย์เหล่านี้มากขึ้นได้


 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com