CRC รับถูกมอบหมายให้เป็นเรือธง ในการเข้าการซื้อกิจการ Sel fridges Group ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าในประเทศอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ และไอร์แลนด์ หลัง Central Group ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เข้าลงนามในสัญญาซื้อกิจการ Sel fridges Group ด้านนักวิเคราะห์มอง ไม่ใช่ช่วงเวลาการลงทุนที่ดีอาจมีหนี้สินเพิ่มอีก 5 หมื่นล้าน ต้องเพิ่มทุนเพื่อดีลนี้
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อเช้าวันนี้ว่า ตาม Central Group และ Signa Holding เข้าลงนามในสัญญาซื้อกิจการ Sel fridges Group ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าในประเทศอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ และไอร์แลนด์ โดยในส่วนของ Central Croup บริษัท ห้างเซ็นทรัล ดีพาทเมนท์สโตร์ จำกัด (HCDS) หุ้นใหญ่ของบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เข้าลงนามในสัญญานั้น
บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่า บริษัทฯ ได้รับแจ้งจาก HCDS ถึงโอกาสการลงทุนในธุรกิจห้างสรรพสินค้าใน Selfridges Group นี้ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในข้อตกลงที่ HCDS ให้ไว้ใน Flagship Company Letter of Undertakings ระหว่างบริษัทฯ กับ HCDS (Flagship Undertaking Letter) ที่ได้เปิดเผยไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหุ้นสามัญเป็นครั้งแรกของบริษักฯ
ทั้งนี้ ภายใต้ Flagship Undertaking Letter บริษัท มีสิทธิเข้าลงทุนใน Selfridges Group ได้ก่อนวันที่การเข้าลงทุนดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์ (Closing Date) หรือหากบริษัทฯ ตัดสินใจไม่เข้าลงทุนในครั้งนี้ และ HCDS ได้เข้าลงทุนใน Selfridges Group บริษัทฯ ยังคงสามารถเข้าซื้อธุรกิจต่อจาก HCDS ได้ภายใน 90 วันนับจากวันที่ HCDS เข้าลงทุนเสร็จสมบูรณ์ ในราคาตามที่ตกลงกันใน Flagship Undertaking Letter
โดยที่บริษัทฯ จะดำเนินการพิจารณาความเหมาะสมและผลตอนแทนการลงทนอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของบริษัทฯ ว่าจะเข้าลงทุนในธุรกิจห้างสรรพสินค้าใน Selfridges Group ที่ไม่รวมส่วนของอสังหาริมทรัพย์ (ลงทุนใน Operating Companies) หรือไม่ ทั้งนี้ หากบริษัทฯตัดสินใจที่จะเข้าลงทุนในธุรกิจดังกล่าว บริษัทฯ จะดำเนินการตามขั้นตอนและกฎเกณฑ์ระเบียบที่
เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านมุมมองของนักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี มองว่า ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีนัก แม้จะตระหนักถึงความสำคัญในความพิเศษของดีล แต่เรามองว่าความไม่แน่นอนของการระบาดระลอกใหม่จาก Omicron ในยุโรปจะกระทบแนวโน้มในระยะสั้นของหุ้น เช่นในกรณีของ CRC ที่มีดีลเข้าซื้อธุรกิจห้างสรรพสินค้าในยุโรป ซึ่งอยู่ในกลุ่มแรกที่จะถูกมาตรการบังคับเนื่องจากเป็นธุรกิจในกลุ่มสินค้าไม่จำเป็น
มีโอกาสเป็นดีลที่แพง อ้างอิงจากข้อมูลเผยแพร่การดำเนินงานของ Selfridge ก่อนโควิดในช่วง มี.ค.-19 ถึงก.พ.-20 เราอาจได้เห็น valuation ที่อย่างน้อย PE 45x เท่าย้อนหลัง (4000m/88m) โดยมีกำไร 88ล้านปอนด์และยอดขาย 1.97พันลบ.ปอนด์
เราเชื่อว่า CRC อาจมีหนี้สินเพิ่มได้อีก 5.0 หมื่นลบ. (สำหรับหุ้น 27.8%) ก่อนมีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนเพื่อเป็นเงินทุนสำหรับดีล เรารอความชัดเจนมากขึ้นจากบริษัท