นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ หรือ TISCO เปิดเผยว่า ในปี 2566 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง คาดอยู่ที่ระดับ 3-4% กลุ่มทิสโก้ จึงปรับกลยุทธ์เข้าสู่โหมดของ “การเติบโต” ด้วยการเร่งขยายการเติบโตธุรกิจสินเชื่อในเชิงรุกและตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโต 5-10% โดยเน้นกลุ่มสินเชื่อที่มีหลักประกัน ในกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อจำนำทะเบียน สินเชื่อเพื่อการบริโภค ขยายเครือข่ายสาขาให้ครอบคลุม โดยเฉพาะการเติบโตในธุรกิจสมหวัง เงินสั่งได้ และทิสโก้ ออโต้ แคส (TISCO Auto Cash) เช่น จะขยายสาขาสมหวังฯ ไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อเจาะตลาดลูกค้าใหม่ๆให้เข้าถึงชุมชนต่างๆได้มากขึ้น ในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่ม 200 สาขา หลังจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านเกิดสถานการณ์โควิด การขยายสาขาจะอยู่เพียง 50-100 สาขา/ปี
"ปีนี้เราจะเน้นสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนที่สูง พวกสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุก เป็นต้น ซึ่งเป็นพอร์ตสินเชื่อรายย่อยที่เป็นพอร์ตใหญ่ของทิสโก้ เราเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจ “สมหวัง เงินสั่งได้” ปีนี้จะขยายสาขาเชิงรุกมากขึ้นอีก 200 สาขา ทำให้สิ้นีนี้จะมีสาขารวม 650 สาขา และขยายระดับนี้ไปอีก 2 ปีหน้าต่อเนื่องก็น่าจะถึง 1,000 สาขาได้ ส่วนสินเชื่อรายใหญ่กลุ่มธุรกิจบรรษัท ก็จะมุ่งขยายการเติบโตภายใต้จุดแข็ง Total Solution ที่ตอบโจทยลูกค้าได้อย่างรอบด้านและดีที่สุด "
ทั้งนี้ ปี 2565 กลุ่มทิสโก้ สินเชื่อขยายตัวราว 7.9% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้ง 3-5% โดยยอดเงินให้สินเชื่อ อยู่ที่ 229,004 ล้านบาท รายได้จากดอกเบี้ยสุทธิ 12,734 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% เป็นผลจากสินเชื่อขยายตัวและควบคุมต้นทุนทางการเงิน รวมทั้งเน้นการปล่อยสินเชื่อที่มีอัตราผลตอบแทนระดับสูง ส่วนรายได้มิใช่ดอกเบี้ย 5,607 ล้านบาท ลดลง 12.2%จากปี 2564 เนื่องจากธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุนลดลงทั้งรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ กองทุนรวมและเงินลงทุนหรือพอร์ตที่ลดลงตามภาวะตลาดที่ผันผวน จะมีเพียงรายได้จากค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่เติบโต 13.4% จากนายหน้าประกันภัยเป็นหลัก ส่งผลให้รายได้รวม 18,341 ล้านบาท ลดลง 2.6% ส่วนหนี้่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) 2.1% กำไรก่อนตั้งสำรอง 9,711 ล้านบาท ลดลง 8% ค่าใช้จ่ายหนี้สูญ 723 ล้านบาท ลดลง 65% ส่วนกำไรสุทธิ 7,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4% กำไรต่อหุ้น 9.02 บาท
นายศักดิ์ชัยกล่าวว่า ด้านการเติบโตจากรายได้ค่าธรรมเนียม คาดปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้และกลับมาหนุนผลดำเนินงานอีกครั้ง โดยส่วนหนึ่งมาจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้วที่หดตัว และจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจนายหน้าประกันภัย ธุรกิจธนบดีและตลาดทุน โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์การลงทุนและการสร้างความมั่งคั่งทางการเงินที่ดีให้แก่ลูกค้า โดยคาดว่าปีนี้ภาวะตลาดทุนจะกลับมาฟื้นตัวดีตามภาวะเศรษฐกิจ และส่งผลด่อพอร์ตลงทุนปรับตัวดีกว่าปีที่แล้ว
"ส่วน NPL คาดว่าปีนี้อาจเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เนื่องจากเราเน้นปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง ก็ย่อมจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นตาม ถ้าลูกค้ามีความเสี่ยงสูง ราคา(ดอกเบี้ย)ก็จะเพิ่มขึ้นตาม อย่างไรก็ตาม เราพยายามควบคุม NPL ปีนี้ไม่ให้เกิน 3%" นายศักดิ์ชัยกล่าว
นายชาตรี จันทรงาม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยงกลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า ปีนี้ การตั้งสำรองฯจะใกล้เคียงกับปี ที่แล้ว ได้ตั้งสำรองฯสูง 700 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามการประเมินสถานการณ์ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในระยะข้างหน้าทั้งเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย และผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย รวมถึงรองรับการเน้นปล่อยสินเชื่อที่เน้นผลตอบแทนสูงด้วย
ทั้งนี้ ปี 2565 TISCO มีระดับเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Loan Loss Coverage Ratio) ณ สิ้นปี 2565 อยู่ในระดับสูงถึง 258.8% แลอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 23.4% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 11.0% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 19.6% และ 3.7% ตามลำดับ ตอกย้ำฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของกลุ่มทิสโก้
ด้านทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น มีการปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งปกติ ธนาคารจะปรับขึ้นดอกเบี้ยทั้งดอกเบี้ยเงินฝากและตามด้วยดอกเบี้ยกู้ ในปีนี้จึงมีโอกาสที่จะเห็นส่วนต่างดอกเบี้ย (มาร์จิ้น) จะแคบลง เพราะต้นทุนทางการเงินที่จะเพิ่มสูงขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เพราะฉะนั้นปีนี้ มาร์จิ้นอาจะปรับเพิ่มขึ้นได้ค่อนข้างจำกัด
นายศักดิ์ชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ในปีนี้ ทิสโก้จะยกระดับการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัล และพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งให้เกิดระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่สามารถให้บริการแก่ลูกค้าอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าในยุคปัจจุบัน รวมถึงสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ขับเคลื่อนองค์กรด้วยความยั่งยืน โดยบูรณาการเข้าไปอยู่ในทุกกระบวนการดำเนินงาน ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social and Governance: ESG) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
“ในปีนี้ กลุ่มทิสโก้ปรับเป้าหมายเข้าสู่โหมดของการเติบโต โดยยังคงดำเนินการภายใต้กรอบการกำกับดูแลกิจการที่ดี ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ ขณะเดียวกันจะเดินหน้าบ่มเพาะวัฒนธรรมการสร้างนวัตกรรม โดยบูรณาการทั้งบุคลากร ขั้นตอน เทคโนโลยี และข้อมูล เพื่อให้สามารถออกแบบการให้บริการลูกค้าในลักษณะของ Lifetime Solution ได้อย่างชัดเจนและรอบด้านขึ้น เพื่อเป็นสถาบันการเงินที่ลูกค้าไว้วางใจและใช้บริการในระยะยาว” นายศักดิ์ชัย กล่าวทิ้งท้าย