หุ้นไทยวันนี้ ลุ้นมีรีบาวด์ตามตลาดหุ้นเพื่อนบ้านที่ฟื้นตัวหลังจากตลาดทรุดแรง เหตุ "ช็อค" รัสเซียโจมตียูเครน บวกกับสหรัฐประกาศ GDP ไตรมาส 4/64 โตพุ่ง 7% บล.กรุงศรีคาด SET หาแนวต้าน 1,675 / 1,680 จุด ตลาดยังมีแรงกดดันจากสถานการณ์ยูเครนอยู่และยอดผู้ติดโควิดไทยพุ่งเร็ว
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (25 ก.พ.) บล.กรุงศรี ประเมินว่า SET รีบาวด์ขึ้นแนวต้าน 1,675 / 1,680 จุด ตาม sentiment เชิงบวกตลาดหุ้นรอบบ้านฟื้นตัวขึ้นหลังวานนี้ทรุดตัวลงแรง ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 4/64 ของสหรัฐฯขยายตัวสูงถึง 7.0% อย่างไรก็ตามความกังวลสถานการณ์ยูเครนที่ตึงเครียดหลังจากรัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในประเทศที่พุ่งขึ้นเร็วจะเป็นแรงกดดันดัชนีให้สลับอ่อนตัวลง
ติดตามประเด็นสำคัญ
(+) น้ำมันดิบ WTI ปิดบวกเล็กน้อยหลังสหรัฐเตรียมระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองยุทธศาสตร์ : ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวผันผวนโดยช่วงแรกราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งทะลุระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล รับข่าวรัสเซียบุกโจมตียูเครน แต่ท้ายตลาดราคาน้ำมันดิบมีแรงขายทำกำไรและย่อตัวลงอย่างรวดเร็วหลัง ประธานาธิบดีสหรัฐ "โจ ไบเดน" ประกาศว่าจะระบายน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาซัพพลายน้ำมันตึงตัว
(+/-) คืนนี้ติดตามตัวเลข PCE Price Index จับสัญญาณเงินเฟ้อสหรัฐ : สหรัฐจะประกาศตัวเลขดัชนีการใช้จ่ายของผู้บริโภค (PCE Price Index) เดือน ม.ค.ในวันศุกร์นี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อของเฟด ดังนั้นหากตัวเลขดังกล่าวยังพุ่งสูงและมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์จะเป็นปัจจัยกดดันตลาด เบื้องต้น Consensus คาด ไว้ที่ 5.9% ใกล้เคียงกับเดือน ธ.ค.ที่ 5.8%
(+/-) สัปดาห์หน้าติดตามประธานเฟดแถลงการณ์รอบครึ่งปีต่อรัฐสภาสหรัฐ: นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันที่ 2-3 มี.ค. เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่นักลงทุนจะใช้จับสัญญาณถึงแนวโน้มในการดำเนินนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการลดมาตรการ QE ของสหรัฐในปีนี้
กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy
- หุ้น KBANK BBL TTB KTB SCB BLA ได้ประโยชน์แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น
- หุ้น PTTEP TOP SPRC BCP ได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบ+ค่าการกลั่นที่ยังทรงตัวระดับสูง
- แนะนำหุ้นติดกลุ่ม Defensive stock ได้แก่ BDMS INTUCH ADVANC HTC
หุ้นแนะนำวันนี้
-JMT (ราคาเป้าหมาย 77 บาท) แจ้งกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/64 (4Q21) ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีกำไรสุทธิ 477 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 36%จากไตรมาสก่อนหน้า (qoq) และ 44% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (yoy) และสูงกว่าที่ตลาดส่วนใหญ่คาดว่าจะมีกำไรเพียง 410 ล้านบาท
-HMPRO (ราคาเป้าหมาย 17 บาท) แจ้งกำไรสุทธิ 4Q21 ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 104%qoq และ 15%yoy และดีกว่าที่เราคาดไว้ 13% แนวโน้ม 1Q22 ดีต่อเนื่องจากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ ภาครัฐกระตุ้นกำลังซื้อผ่าน มาตรการช้อปดีมีคืน